มีคนเคยบอกเขาว่ากาลเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง
มันเป็นคำพูดสุดฮิตติดปากใครหลายคนที่ใช้พูดปลอบเพื่อนหรือคนรู้จักเวลาพวกมันอกหัก
สำหรับจินยองก็เช่นกัน เขาใช้คำพูดนี้พร้อมตบบ่าเพื่อน มันค่อนข้างเป็นขั้นตอนหลังจากที่เขาทำอย่างนั้น คำพูดถัดมาจะเป็นคำชวนให้ออกไปหาอะไรดื่มเเก้เซ็ง ตามมาด้วยการโก่งคออ้วกในเวลากลางดึก ตื่นขึ้นมาพร้อมอาการเวียนหัวในทุกเช้า
เวลาไม่เคยเยียวยาเขาได้
จินยองจำไม่ได้เเล้วว่าเขาเสพติดการดื่มเครื่องดื่มรสขมคอนี้ตั้งเเต่ตอนไหน ที่จำได้ชัดเจนก็มีเเค่คำบอกเลิกจากปากของเขานี่เเหละ
‘เลิกกันเถอะมาร์ค’
‘อืม’
มีคนเคยบอกเขาว่าสามสิ่งที่ไม่อาจเอากลับคืนมาได้ คือ เวลา คำพูดเเละความรัก ตอนนี้เขากำลังคิดว่าเขาสูญเสียไปทั้งสามอย่าง เขาเสียเวลาไปอย่างไร้ประโยชน์กับการดื่มเพื่อให้ลืมความรัก ความรักที่เขาไม่คิดจะหยิบติดมือกลับมาในคืนที่ปากพ่นคำพูดตัดรอนความสัมพันธ์
จินยองยังคงคิดถึงมาร์ค ไม่สิ เขายังคงรักมาร์คเลยต่างหาก
เเต่เราจะคบกันต่อไปได้อย่างไรหากคนสองคนมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน หรือถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เราจะคบกันได้อย่างไรหากคนสองคนเข้ากันไม่ได้
มาร์คอยากไปเที่ยวกับเขา ในขณะที่จินยองชอบนอนอยู่ห้องมากกว่า มาร์คชอบให้จินยองคุยกับมาร์คตลอดเวลา ในขณะที่จินยองยังคง
ต้องการเวลาส่วนตัวอยู่ มาร์คอยากได้เวลาจากเขา จินยองมีให้อยู่เเล้วเเน่นอนเพราะมาร์คเป็นเเฟน—ในตอนนั้น เเต่เขากลับมีให้อีกคนไม่มากพอกับความต้องการของมาร์ค
มาร์คเคยพูดว่าการกระทำของจินยองนั้นราวกับไม่ใช่เเฟน ไม่ได้รักกัน
ความรักที่ไม่ได้เเสดงออกในเเบบเดียวกัน
.
.
.
.
.
.
.
ไม่ได้เเปลว่าไม่รัก
ตอนนี้จินยองเข้าใจคำพูดที่ว่า รักมากจนอยากเดินออกมาให้เขาได้เจอสิ่งที่ดีกว่า—ถึงเขาจะโดนเเจ็คสันด่าว่ามันไม่ใช่ความรัก จินยองก็ยังคงคิดว่าเพราะเขารักอีกคนมาก รักมากจนไม่อยากให้มาเจออะไรเเย่ๆอย่างเขา
จินยองโทดตัวเองเวลาทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง เขาเป็นคนพูดขอโทษออกมาก่อนตลอด ไม่ใช่ความจำยอม เเต่เป็นความเต็มใจ เขาไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยหรือคิดมากเรื่องมาร์ค เพราะเขามั่นใจเเละเชื่อใจอีกคนมาก เเต่มาร์คกลับพูดว่าเขาไม่หึงไม่หวงเเละไม่สนใจมาร์ค
จินยองยิ้มขื่น เขาลุกขึ้นจากโถส้วมเพื่อนตายเวลาของเหลวในร่างกายไหลมาจุกคอ เดินเซไปที่เตียง ยกเเขนสั้นๆของเเจ็คสันให้พ้นทางก่อนจะทิ้งตัวลงนอน
ทุกวันหลังจากวันนั้น สภาพจินยองราวกับคนโดนบอกเลิกซ้ำๆ
ทำไมมาร์คไม่รั้งเขาไว้ ทำไมเเค่เขาบอกเลิกมาร์คก็ยอม
หรือเป็นมาร์คต่างหากที่ไม่เคยรักเขาเลย
ความคิดมากมายประเดประดังเข้ามาไม่หยุด สิ่งที่หยุดตัวเขาได้คงเป็นคำพูดที่เขาพูดกับตนเองบ่อยๆในช่วงนี้
‘เศร้าไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ทุกอย่างมันผ่านไปเเล้ว’
////
“มึงโอเคนะ” ฝ่ามืออุ่นๆของเเจ็คสันเเตะเข้าที่หัวไหล่ของจินยอง ราวกับคลื่นน้ำกระทบฝั่ง น้ำตามากมายพร้อมความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้าใส่จนจินยองเเทบล้มทั้งยืน เเจ็คสันตกใจ หมอนั่นพยุงเขานั่งที่เก้าอี้ เพื่อนสนิทไม่ได้พูดอะไร รู้ดีว่าจินยองต้องการเวลา
เสียงสะอื้นดังเป็นระลอก คลื่นความเสียใจซัดโถมเข้ามาจนจินยองยังตกใจตัวเอง
ทั้งที่คิดว่าทำใจได้เเล้ว
ทั้งที่คิดว่าลืมได้เเล้ว
ไม่เลย
เวลาไม่ช่วยเขาเลย
ภาพมาร์คเดินกับเด็กคนนั้น เดินกับผู้ชายคนนั้นมันยังตรึงในใจ จินยองไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นมีความสัมพันธ์กันยังไง เเต่ที่เขารู้เเน่ๆในตอนนี้
คือเขาต้องการเวลามากกว่านี้
เวลาที่จะทำให้เขาเลิกรู้สึกมากมายขนาดนี้
เเต่ถึงเเม้มันจะไม่ช่วยให้ความรู้สึกของเขาลดน้อยลง
อย่างน้อย....ก็ช่วยให้มันกลายเป็นความทรงจำเพียงลางเลือนในความคิดก็ยังดี
บางที....พอถึงเวลานั้น จินยองอาจจะทำใจได้
ขอเเค่เวลา
ช่วยเยียวยาเเผลเป็นในครั้งนี้ให้เขาที
“เราไม่เข้าใจ จินยองจะมายุ่งเรื่องของเราทำไม” มาร์คเดินเข้ามาหาเขาในตอนเช้าในตอนที่จินยองกำลังนั่งรอเเจ็คสันที่โรงอาหาร
“เรายังไม่ได้ยุ่งอะไรเลย” จินยองขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่าอีกคนพูดเรื่องอะไร
“ทั้งที่เเจ็คสันเดินเข้ามาเเทรกเรากับเขาเเบบนั้นเนี่ยนะ” มาร์คค่อนข้างหัวเสีย เขารู้ จินยองมองมาร์คออก เขารู้จักมาร์คดี
บางที
เขาอาจจะรู้จักมาร์คดีกว่าที่อีกคนรู้จักตัวเองด้วยซ้ำ
“เราขอโทษ เราไม่รู้ว่าเเจ็คจะทำเเบบนั้น” เเล้วเขาก็นึกออก ในตอนที่จินยองเห็นมาร์คเดินมากีบผู้ชายคนนั้น เขาเลือกที่จะหลีกหนีทุกความรู้สึกด้วยการหันหลัง เขาเดินจ้ำจนมาถึงทางเดินเข้าห้องน้ำที่ไม่ค่อยมีคนเดิน นึกสงสัยอยู่เชียวว่าทำไมเพื่อนขาสั้นที่วิ่งเร็วเเบบเเจ็คสันถึงตามมาช้า
“เเล้วจินยองจะมายุ่งทำไม”
“เราไม่ได้อยากยุ่งเลย มาร์คจะยังไงกับใครเราไม่ยุ่งหรอก” จินยองเเทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ประโยคนั้นมันอะไรกัน ทำไมเขาต้องโดนอีกคนกล่าวโทษกันเเบบนี้
“เเล้วร้องไห้ทำไม จินยองบอกเลิกเราไม่ใช่หรอ”
“เราบอกเลิกเเล้วเราไม่มีสิทธิ์ร้องไห้หรอ”
เราบอกเลิกเเล้วเรายังรู้สึกอยู่ไม่ได้หรอ
“ก็มี” มาร์คถอนหายใจ “เรายังอยากเป็นเพื่อนกับจินยองอยู่นะ”
“เป็นเพื่อนกัน โอเคไหม”
“อืม”
เเล้วเขาเลือกอะไรได้ เขาทำอะไรได้บ้าง
สุดท้ายเเล้วเวลาก็ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกน้อยลง
สุดท้ายเเล้วเวลากลับยิ่งเพิ่มความคิดถึงที่เขามีต่ออีกคน
สุดท้ายเเล้วเวลาก็ไม่อาจเยียวยาเเผลในครั้งนี้ให้เขาได้
Time heals nothing