วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562

Last Christmas #MarkJin


-L A S T C H R I S T M A S-




‘ Last Christmas, I gave you my heart
But the very next day you gave it away
This year, to save me from tears
I’ll give it to someone special ‘

‘ คริสต์มาสครั้งที่แล้ว ผมมอบหัวใจของผมให้แก่คุณ
แต่วันต่อมา คุณกลับทิ้งมันไป
ปีนี้ ผมจะไม่เสียน้ำตาให้คุณอีก
ผมจะยกหัวใจของผมให้กับบางคนที่แสนพิเศษแทน ‘

####

“อาทิตย์หน้าคริสต์มาสเเล้ว มีเเพลนไปไหนไหม?” เพื่อนตัวสั้นเอ่ยถามเขาหลังจากที่ตัวเองเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านในเวลาเลิกงานเป๊ะ

มาก็ตรงเวลากลับก็ตรงเวลา พนักงานดีเด่นอะไรเบอร์นี้

“ไม่มีอะ กลับบ้านนอน” ปาร์คจินยองตอบพลางยักไหล่ คนตัวบางเริ่มจัดการกับข้าวของบนโต๊ะทำงานของตัวเอง

“มึงควรเลิกทำตัวเฉื่อยชาได้เเล้วนะ คุณเอ็มเขารอคิวอยู่นี่ ไม่ลองไปกับเขาดูล่ะ”

“ไว้คิดอีกที” จินยองตอบส่ง ๆ พลางจัดรวบเอกสารรวมไว้ที่เดียวกันอย่างคล่องเเคล่ว

“ตามใจ คนดี ๆ เข้ามาเนี่ยปัดทิ้งหมด”

ร่างบางถลึงตาใส่เพื่อนก่อนจะใช้ขาเตะตูดเเบน ๆ ของหวังเเจ็คสันไปหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้

หมั่นไส้ที่มาพูดความจริงตอกหน้ากันเเบบนี้ไง

“กูก็ไม่ได้ชอบคนเหี้-ยไหม” จินยองบ่นเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจเเล้วจัดเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านบ้าง

วันคริสต์มาส เทศกาลเฉลิมฉลองในวันประสูติของพระเยซู มีเรื่องเล่าของซานต้าครอสที่เป็นลุงอ้วนพุงพลุ้ยหนวดเฟิ้มในชุดสีเเดงกับหมวกทรงเเหลมคอยเเจกจ่ายของขวัญให้กับเหล่าเด็กดีทั่วโลก

จินยองก็ชอบนะ—เคยชอบน่ะ เทศกาลที่นำต้นสนมาตกเเต่งด้วยเเสงไฟเเละลูกบอลหลากสี เขาเคยมีความคิดว่าสักวันจะพาคนรักไปฉลองเทศกาลนี้ด้วยกันที่ประเทศอังกฤษสักรัฐหนึ่ง ถึงเเม้เขาจะนับถือศาสนาพุทธก็เถอะ เเต่ซานต้าครอสกับมนต์ขลังในวันคริสต์มาสก็เป็นอะไรที่น่าดึงดูดไม่ใช่หรอ

“ซื้อคุกกี้หน่อยดีกว่า” จินยองคิดพลางเดินเลี้ยวเข้าไปทางโซนอาหารในซุปเปอร์มาร์เกต เเละบัดซบ—ให้ตายเหอะ

ผู้ชายคนนั้น

มาทำเหี้-ยอะไรที่นี่วะ!!!





‘ Once bitten and twice shy
I keep my distance, but you still catch my eye
Tell me, baby, do you recognize me?
Well, it’s been a year, it doesn’t surprise me ’

‘ ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว
ผมพยายามจะรักษาระยะห่าง แต่คุณก็ยังอยู่ในสายตาของผมอยู่ดี
บอกผมหน่อยสิ คุณจำผมได้ไหม?
อืม นี้มันก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจหรอก ‘

####

อย่านะ

อย่าเห็นนะ

อย่าหันมานะ!

“อ้าว”

ส้นตีนเถอะ

“ว่าไง” ร่างบางเอ่ยทักทายอีกคนกลับ ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสเเลคสีดำยังคงดูดีเหมือนเคย ไหนจะทรงผมที่ทำทรงเปิดหน้าผากยิ่งขับให้อีกคนดูโดดเด่นกว่าใครในที่นี้

“มาซื้อคุกกี้?”

“อืม” จินยองตอบเสียงเรียบ หันหน้ากลับมาทางคุกกี้หลากยี่ห้อตรงหน้า พยายามอย่างมากที่จะไม่จ้องมองอีกคนนานจนเกินไปนัก

“ยังเหมือนเดิมเลยนะ” นิ้วเรียวที่กำลังไล่ไปตามป้ายราคาชะงัก เเววตาไหววูบชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นราบเรียบดังเดิม

“เเล้วมาทำไรอะ” เขาเอ่ยถามอีกคนกลับ เหลือบตาเห็นกล่องเยลลี่หมีกล่องใหญ่เเล้วก็พอเดาได้

“ซื้อของเข้าห้องน่ะ”

“เด็กใหม่?” เขาเอ่ยถามพลางมองกล่องใส่เยลลี่เป็นเชิงถาม

“อ่าห้ะ จินยองล่ะ กับคนใหม่เป็นไง”

“ก็ดี”

มาร์คไม่ชอบกินขนมหวานเเละบ้างานมากจนเเทบไม่มีเวลาดูเเลตัวเอง เพราะงั้นการที่อีกคนยังหน้าตาเเจ่มใสเเละมีกล่องเยลลี่หมีในรถเข็นก็เเปลความได้อย่างเดียว

เเปลว่ามาร์คมีเเฟนใหม่เเล้วยังไงล่ะ

“อาทิตย์หน้าคริสต์มาสเเล้ว ไปไหนไหม”

“ไม่อะ”

“หรอ ไม่ไปเที่ยวกับคนนั้นหรอ”

“.....”

นี่มันก็ปีนึงเเล้วนะจินยอง

มูฟออนได้เเล้ว

“ไม่ชวนเขาล่ะ ที่อังกฤษก็ดีนะ”

“ไม่ล่ะ ครั้งที่เเล้วไม่น่าจดจำเท่าไหร่” ดวงตากลมมองสบกับดวงตาคมของเเฟนเก่านิ่ง

ภาพความจำในวันนั้นไหลย้อนกลับมา ชัดเจนในความทรงจำ ทุกความรู้สึกที่เกิดในวันนั้น ทุกถ้อยคำที่เอ่ยบอกกัน ภาพทุกอย่าง น้ำเสียง บรรยากาศ กลิ่นของคุกกี้อบใหม่กับเทียนหอมที่ยังจำได้ดี

เเละกลิ่นของผู้ชายคนนี้—มาร์ค ต้วน ผู้ชายที่อยู่กับเขาในวันคริสต์มาสปีที่เเล้ว

ในประเทศอังกฤษ

“ไปล่ะ” เขาสุ่มหยิบคุกกี้มายี่ห้อหนึ่งเเล้วหมุนตัวเดินจากมา

ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอกันนอกเวลางาน

ทำไมต้องมาเจอตอนนี้ด้วยวะ

จินยองบ่นในใจ ขาเรียวก้าวฉับ ๆ ไปที่เคาท์เตอร์เพื่อคิดเงินเเละออกไปจากสถานที่เเห่งนี้

หนีไปให้ไกลจากผู้ชายใจร้ายคนนั้น






‘ (Happy Christmas) I wrapped it up and sent it
With a note saying, “I love you”, I meant it
Now I know what a fool I’ve been
But if you kissed me now, I know you’d fool me again ’

‘(ขอให้มีความสุขในวันคริสต์มาส) ผมห่อมันและส่งไปให้คุณ
พร้อมกับเขียนข้อความ “ผมรักคุณ” ผมหมายความแบบนั้นจริง ๆ นะ
แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ตอนนั้นผมโง่แค่ไหน
แต่ถ้าคุณจูบผมตอนนี้ ผมก็รู้ว่า คุณอยากให้ผมเป็นคนโง่อีกครั้ง ‘

####

“ตีมคริสต์มาสปีนี้เเม่งให้เเต่งชุดที่เป็นเพศตรงข้ามกับเพศสภาพตัวเอง ใครคิดวะ โคตรลาว”

“คุณยองเเจนะได้ข่าวมา”

“เชี่ย พี่ยองเเจ” เเจ็คสัยยกมือขึ้นมากุมขมับพร้อมตบปากตัวเองไปสองครั้ง เเน่ล่ะ พี่ยองเเจคือฝ่ายHRผู้มีพระคุณ ใครกล้าด่าก็บ้าเเล้ว

“เออเเล้วมึงจะเเต่งเป็นใคร” เพื่อนรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที เเจ็คสันหันเก้าอี้มานั่งจ้องหน้าจินยองเต็ม ๆ ตา

“นางเอกLalalandมั้ง” เขาตอบกลับ สายตาไล่อ่านอีเมลที่ถูกส่งมาอย่างไม่รีบร้อน

“อื้อหือ ไม่รู้เลยนะ”

“อะไร” จินยองละสายตามามองเพื่อนที่ทำเสียงสูงล้อเลียนเขา

“ป๊าว เเค่ไม่คิดว่ามึงจะปักใจขนาดนี้”

“กูไม่ได้ปักใจ กูเเค่ชอบเรื่องนี้"

ใช่ เขาเเค่ชอบเรื่องนี้

ไม่ใช่เพราะมันเป็นหนังเรื่องเเรกที่เขาได้ดูกับมาร์คหรอก

ไม่ใช่เพราะเราไม่มีเวลาไปเที่ยวด้วยกันเลยเปิดหาหนังดูด้วยกันในห้อง เเล้วเรื่องนี้ก็ถูกเลือกในวันนั้น

ไม่ใช่เลยสักนิด

“ใช่หร้อ”

“กูไปกินข้าวละ” จินยองลุกขึ้นก้าวเร็วๆทิ้งเเจ็คสันไว้ข้างหลัง เพื่อนสนิทรีบลุกขึ้นทันที

“อ้าว เห้ยรอกูด้วย!”

.
.
.
.
.

"มึงโอเคปะวะ" เสียงเเหบๆของคนตัวเตี้ยที่นั่งตรงกันข้ามกับเขาถามด้วยความเป็นห่วง จินยองหลบตาเพื่อนรักก่อนตอบเสียงที่พยายามทำให้มั่นคง

"เฉยๆ"

ถึงจะตอบเพื่อนไปเเบบนั้นเเต่ก็ห้ามสายตาให้เหลือบไปมองคนสองคนที่นั่งกินข้าวกันอยู่โต๊ะเยื้องๆกันไม่ได้

คนอย่างมาร์คยอมลงมานั่งกินข้าวที่ฟู้ดคอร์ดของห้างกับพนักงานใหม่

ให้เด็กประถมมองยังรู้เลยว่ามีซัมติง

ทีตอนคบกับเขาล่ะไม่เห็นมีเเบบนี้

"ก็ดี อะ กูให้ลูกชิ้นปลอบใจ" เเจ็คสันคีบลูกชิ้นในชามของตัวเองมาใส่ในชามเขา จินยองเบนสายตากลับมามองเพื่อนก่อนจะตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้ม

"ขอบใจ"

รอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา

.
.
.

"มากินข้าวกับเเจ็คสันหรอ"

"อืม" จินยองล่ะเกลียดความบังเอิญช่วงนี้มาก เขามาเข้าห้องน้ำเเล้วก็ไม่วายได้เจอกับมาร์คอีกเป็นครั้งที่สองของวัน

"มากับเเฟนใหม่หรอ" ร่างบางเอ่ยถามพลางเงยหน้าสบตาอีกคน มาร์คมองตาเขากลับ เราจ้องตากันอยู่เเบบนั้นจนเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหว

ความรู้สึกมากมายไหลวนอยู่ในท้องจนอยากอ้วกออกมา จินยองเบนสายตาหลบ มาร์คไม่ตอบคำถามเขา

"คิดว่าไงล่ะ" ดวงตาหวานเคลื่อนกลับมามองคนถามอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ

"คิดว่าเด็กใหม่น่ารักดีนะ" เขากลั้นใจตอบออกไป ก้มหน้าล้างมือหลบสายตาที่เคยหลงรักจากอีกคน

ไม่สิ

'ยังคง' หลงรักต่างหาก

"เเค่นั้นหรอ"

"...." จินยองขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม เเละเริ่มก้าวถอยหลังหนีใครอีกคนที่ก้าวเท้าเข้าหาเขามากขึ้น

"ไม่คิดถึงมาร์คเลยหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาราวกระซิบ จินยองเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

"พูดบ้าอะไร"

"เเต่มาร์คคิดถึงจินยองนะ" ร่างหนาทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนเดินออกจากห้องน้ำไป

คนตัวเล็กยืนอึ้งอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกสับสนจนหายใจไม่ทั่วท้อง

จินยองเกลียด

เกลียดมาร์คที่รู้จักเขาดี รู้ว่าควรปั่นหัวเขาอย่างไรให้ตัวเองสมใจ

เกลียดที่มาร์คยังคงทำราวกับความรู้สึกของเขาเป็นของเล่น

เเละเกลียดที่สุด....คือหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นเเรงอยู่ในตอนนี้





' A crowded room, friends with tired eyes
I’m hiding from you and your soul of ice
My God, I thought you were someone to rely on
Me? I guess I was a shoulder to cry on

ห้องที่เต็มไปด้วยผู้คน เพื่อนเเละดวงตาที่อ่อนล้า
ผมกำลังซ่อนตัวจากคุณ และจิตวิญญาณที่แสนเย็นชาของคุณ
พระเจ้า ผมเคยคิดว่าผมเชื่อใจคุณได้
ผมเคยคิดว่า ผมเป็นพึ่งพิงของคุณ '

####

"เเจ็คสัน?" จินยองเอ่ยถามคนที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ สภาพผู้ชายใส่ชุดเดรสของผู้หญิงกับวิกผมยาวสีทองที่ขัดกับกล้ามเเน่นๆเเละหนวดของเจ้าตัวทำให้ผู้คนรอบข้างหันมามองเเละกลั้นขำกันเป็นทิวเเถว

"หยุด! ห้ามขำ! ถ้ามึงขำกูจะเอาเค้กป้ายหน้ามึง"

"ฮ่าๆๆๆๆ" จินยองหลุดขำพรืดเมื่อได้ยินคำขู่ของเพื่อน เเจ็คสันหน้าเปลี่ยนสีด้วยความอับอายก่อนจะตรงไปปิดปากเพื่อนไว้

"หยุดได้เเล้ว กูอาย!"

"อะไร...ฮะ....อะไรดลใจให้มึงใส่ชุดนี้วะ" จินยองก้มหน้ากุมท้องหัวเราะจนหายใจไม่ทัน เเจ็คสันได้ยินคำถามเพื่อนก็ถลึงตาใส่ก่อนตอบ

"พี่ยองเเจอะดิ พี่เเม่งเเกล้งกู" เเจ็คสันตอบอย่างหัวเสีย เเน่ล่ะ คนอย่างเเจ็คสันน่ะไม่เคยชนะพี่ยองเเจได้หรอก

จินยองคิดว่าตัวเองยังสามารถหัวเราะเยาะเพื่อนได้มากกว่านี้ถ้าไม่ติดว่าสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเดินเข้ามากับผู้ชายหน้าหวานอีกคนเข้าเสียก่อน

"พี่เอ็ม! หวัดดีพี่" เพื่อนรักส่งเสียงทักทายคนที่เดินมาด้านหลังเขาอย่างเป็นกันเอง จินยองหันหน้ามองตามเสียงก็เจอเข้ากับผู้ชายตัวสูงใบหน้ายิ้มเเย้มเดินเข้ามาหาเขา

"อ้าวไงเเจ็คสัน ชุดเฟี้ยวนะ" เสียงนุ่มของพี่เอ็มเอ่ยเเซวจนเเจ็คสันทำหน้าเเหยง

"โห่พี่ อย่าตอกย้ำได้มั้ย นี่เลยพี่ เอามันไปที ผมไม่อยากได้ยินเสียงมันขำผมเเล้ว" ตัวตลกจำเป็นผลักร่างบางเข้าหาคนตัวสูงจนคนถูกผลักตั้งตัวไม่ทัน จินยองเซชนอกคนเป็นรุ่นพี่เเถมตำเเหน่งสูงกว่าเขาเข้าอย่างจัง

"ห้ะ เห้ย"

"ผมไปละ ฝากด้วยนะพี่" เเล้วคนก่อเรื่องก็วิ่งจู๊ดหนีไปอีกทาง จินยองมองค้อนตามหลังเพื่อน อยากจะด่าสักคำสองคำเเต่ติดที่มันวิ่งหนีไปเเล้ว ร่างบางหันมาขอโทษอีกคนเสียงเบา

"ขอโทษนะครับ"

"ไงเรา ไม่ได้คุยกันนานเลย" เสียงนุ่มของพี่เอ็มเอ่ยทักทายเขาพร้อมกับดวงตาเป็นประกายเเละรอยยิ้มอบอุ่นที่จินยองได้รับตั้งเเต่ครั้งเเรกที่เจอหน้ากัน

"สองวันเองนะพี่"

"วันเดียวก็นานมากเเล้วสำหรับพี่"

"เว่อร์เเล้วครับ" จินยองหัวเราะเเห้งใส่คนเป็นรุ่นพี่ในชุดสูทสีฟ้า เส้นผมที่ถูกย้อมจนขาวของพี่เอ็มไม่ได้ทำให้อีกคนดูเเก่ลงเลย กลับยิ่งขับให้คนตรงหน้าดูโดดเด่นราวกับเทพบุตรลงมาเที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์เสียมากกว่า

"ชุดสวยนะ มาจากเรื่องlalalandปะ"

"ใช่ครับ" ผมก้มมองชุดเดรสสีเหลืองของตัวเอง ร่างบางใส่วิกผมสั้นสีน้ำตาลเพื่อความสมจริง ด้วยความที่เอวบางร่างเล็กอยู่เเล้ว ทำให้จินยองดูราวกับเป็นผู้หญิงจริงๆจนมีคนเข้าใจผิดเดินเข้ามาหยอดในงานอยู่บ้างประปราย

"พี่ชอบเรื่องนี้นะ ถึงตอนจบจะเศร้าเเต่ก็เข้าใจได้"

"ผมชอบความรักที่พระเอกมีให้นางเอกอะครับ ผมว่ามันน่าประทับใจดี" ผมยิ้มให้อีกคน พี่เอ็มทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง เเต่เสียงทุ้มที่เเสนคุ้นเคยก็เรียกความสนใจของทุกคนในงานไปเสียก่อน

"ต้องขอโทษทุกคนก่อนนะครับที่ขัดจังหวะความสุข...ผมกำลังจะพูดเปิดงานครับ ใช้เวลาไม่นานหรอก" รอยยิ้มที่จินยองหลงรักถูกเเต้มอยู่บนริมฝีปากของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเเฟนเก่า ตรึงสายตาเขาให้จดจ่ออยู่กับมัน

"ขอบคุณทุกคนที่ทำงานหนักมาตลอดปีนี้ ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่มีความสุข" มาร์คพูดไปยิ้มไปราวกับคนที่กำลังมีความสุขมาก จนจินยองเริ่มสงสัยว่าคนบนเวทีคงไม่ได้จะพูดถึงเเค่เรื่องเปิดงานวันนี้หรอก

"เเละก่อนที่ผมจะกล่าวคำว่าเริ่มงาน ผมขอเรียนเชิญทุกคนในที่นี้มางานเเต่งงานของผมด้วยนะครับ" ภาพตรงหน้าคือมาร์ค--ผู้ชายที่เขายังรัก ชูมือของผู้ชายหน้าหวานคนข้างกายขึ้นมาทำให้เห็นเเหวนเพชรเกลี้ยงเกลาวงหนึ่งบนนิ้วนางข้างซ้าย จินยองตัวเเข็งทื่อ เขาไม่ได้ยินเสียงรอบข้างอีกต่อไป ภาพในหัวมีเเต่ใบหน้ามีความสุขสลับกับเเหวนที่นิ้วนางวงนั้น

"ผมขอตัวก่อนนะครับ" ร่างบางวิ่งไปทางออกทั้งน้ำตาที่คลอหน่วย ไม่สนใจเสียงเรียกจากใครอีกคนที่ด้านหลัง

นี่มันก็ปีหนึ่งเเล้ว ทำไมยังไม่ไปจากตรงนี้สักที ทั้งที่คนคนนั้นทำร้ายเขามากมายจนไม่เหลือชิ้นดีขนาดนี้ ทั้งที่รู้อยู่เเล้วว่าต้องมีวันนี้

ทำไมนะ

ทำไมเขาถึงยังรัก

.
.
.
.
.

จินยองเลิกกับมาร์คเพราะมาร์คคบซ้อน

คบซ้อนไม่ใช่เขาเป็นตัวจริงเเล้วมาร์คมีคนอื่น

เเต่จินยองต่างหากที่กลายเป็นคนอื่นในความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง

มาร์คคบกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ก่อนเเล้ว ก่อนที่จะมาคบกับจินยอง พอเลิกกับเขาไป มาร์คก็เลิกกับผู้หญิงคนนั้นด้วย

'อย่าไปทำเเบบนี้กับเเฟนใหม่นะ'

ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดใส่หน้ามาร์คก่อนจะเเยกจากกันไป

ที่จากน่ะก็เเค่ตัว มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าใจเรายังรัก

"จินยอง"

"คะ...คุณเอ็ม" จินยองรีบก้มหน้าหลบคนที่พึ่งเดินเข้ามาหาเขา คนตัวสูงนั่งลงข้างกายเขาก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้

"ผมไม่ชอบเห็นน้ำตาของคุณเลย"

"....." จินยองยังคงก้มหน้า เขารับผ้ามาเเต่ถ้าจะให้รับอย่างอื่นมามากกว่านี้ ร่างบางก็กลัวว่าจะรับไม่ไหว

ก็คุณเอ็ม ต้วนน่ะ

เป็นพี่ชายของมาร์คนี่

หน้าก็คล้ายกัน บ้านก็อยู่หลังเดียวกัน ถ้าจะมีที่ต่างก็คงจะเป็นนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว

"ให้ผมเป็นคนเช็ดน้ำตาให้คุณได้ไหม"

"ให้โอกาสผมได้ไหมครับ" จินยองเงยหน้ามองอีกคนด้วยความรู้สึกสับสน

ถ้าจะมีใครสักคนดูเเลหัวใจที่บอบช้ำดวงนี้

คุณเอ็มจะเป็นคนนั้นให้เขาได้จริงๆหรือ

.
.
.
.

ท่ามกลางเสียงพูดคุยของคนรอบข้าง ร่างบอบบางในชุดเดรสสีเหลืองก็เดินเข้าไปหาใครอีกคนในชุดเสื้อเชิ้ตสีส้มที่กำลังหยอกล้ออยู่กับคนรัก เขาก้มลงกระซิบเสียงเบาให้คนทั้งสองได้ยิน

"ขอให้มีความสุขมากๆในชีวิตคู่นะครับ"

พอกันทีกับอดีตที่ไม่อาจหวนกลับ

เขาควรเริ่มต้นใหม่อย่างจริงจังเสียที





' A face on a lover with a fire in his heart
A man under cover but you tore me apart, ooh-hoo
Now I’ve found a real love, you’ll never fool me again

การไปเจอหน้ากับคนรักพร้อมกับหัวใจที่ตื่นเต้นของเขา
ผู้ชายที่คอยปกป้องคุณ แต่คุณกลับทำให้ผมเสียใจ
ตอนนี้ผมได้พบกับรักแท้แล้ว และคุณไม่สามารถหลอกผมได้อีกแล้ว '





Talk

ตอนเเรกคิดว่าจะลงวันคริสต์มาสค่ะ เเต่ว่าปีที่เเล้วไม่ทัน พอจะลงปีนี้ก็อีกนาน เลยลงวันนี้เเหละค่ะ555555

#shademj เเหล่งรวบรวมความเอาเเต่ใจของเราเองค่ะ อยากเเต่งอะไรก็เเต่ง อยากลงอะไรก็ลง ใครที่หลงเข้ามาอ่านเรื่องนี้เเล้วก็ลองส่องเรื่องอื่นๆได้นะคะ เเละถ้านักอ่านท่านใดชื่นชอบก็บอกให้เรารู้ด้วยน้า เราจะได้มีกำลังใจเเต่งต่อ ขอบคุณมากค่า

I love you 3000 :)