วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

NERD 01 #JinMark









-N E R D-



 มาร์ค ต้วน 

คือเพื่อนร่วมชั้นของผม คือผู้ชายที่มีส่วนสูงไม่มาก ใส่เเว่นหนา หน้าตึงเเละงั้นๆ พูดน้อย เรียนเก่ง เด็กเนิร์ดประจำคณะ ผมไม่เข้าใจว่าข่าวลือหนาหูที่ว่า 'มาร์คต้วนชอบปาร์คจินยอง' มันมาได้ยังไง มันมีมูลมาจากไหนคนพวกนั้นคิดอะไรกันอยู่


ปาร์ค จินยอง
คือผมเอง คือผู้ชายหน้าตาดี เป็นคิ้วท์บอยถ่ายเเบบให้มหาลัยบ่อยๆ เรียนก็ใช้ได้อยู่ระดับกลาง(ถึงล่าง)


อันนี้ไม่ได้ชมตัวเองครับ เเต่เป็นโปรไฟล์โดยย่อที่ทุกคนในมหาลัยพูดถึงผมกัน เเน่นอนว่าคนระดับผมจะมีคนมาชอบเยอะก็ไม่เเปลก เเต่ที่เเปลกคือคนคนนั้นเป็น มาร์ค ต้วน จากที่ผมบรรยายโปรไฟล์โดยย่อของหมอนั่นให้ทุกคนฟังก็คงจะนึกภาพกันออก เด็กเนิร์ดที่ทำข้อสอบได้ท็อปทุกวิชา เด็กเนิร์ดที่ไม่ค่อยพูดจา เเต่ดันเป็นที่รู้จักทั้งโรงเรียนเพราะหน้าตาเนิร์ดๆเเละการทำตัวเนิร์ดๆเเบบนั้นไงละ

ล่าสุดที่ผมไปสืบมาก็น่าจะเป็น...อืม...ไปสอบเเข่งขันระดับประเทศ หัวข้อเคมีที่รัก ได้ลำดับที่ 1 อ่าห้ะ นั่นเเหละ สาเหตุของคำว่าเนิร์ดที่ทุกคนเรียกกัน

เเน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักผมเช่นกัน ผมเป็นคิ้วท์บอยที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยใบหน้าที่อย่างกับผู้ชายเกาหลีทำเอาสาวๆกรี้ดกันจะเป็นลมต่อหน้าผม ผมไม่ใช่คนรังเกียจหรือเหยียดพวกเด็กเรียนทั้งหลายหรอกนะ การมีเพื่อนเป็นเด็กเรียนมันก็ดีตรงตอนทำการบ้านส่งหรือทำรายงายกลุ่มนี่เเหละ
เเต่ตอนนี้ผมชักจะไม่ชอบเด็กเรียนเเล้วสิ

"ที่บอกว่าเนิร์ดชอบพี่จินยองนี่จริงหรอ"
"เนิร์ดชอบจินยองงี่ของเราจริงดิ หูยย ไม่เบาอะ"
''เนิร์ดไม่เจียมตัวเลยอะ เเบบนั้นไม่เปคจินยองหรอก เเบร่

เเละอีกมากมายที่ตอนนี้คำว่า เนิร์ด มันเเทบจะฝังตัวอยู่ในหัวของผม ออกรากออกดอกให้ผลผลิตเเล้ว
มันน่ารำคาญถูกมั้ยครับ
พอมีข่าวลือ คนก็มันจะพูดไปต่างๆนาๆ บ้างก็คิดกันเอาเอง เพิ่มเสริมเติมเเต่งกันไปเอง บ้างก็มาถามผม เเต่ดันถามผมด้วยคำถามเดียวกันกว่าสิบคน
มีคนมากมายหลั่งไหลมาถามผมทั้งในชีวิตจริงเเละโลกโซเชี่ยลว่า

'เนิร์ดชอบพี่จินยองจริงหรือป่าวคะ'

ผมอยากจะบ้า!!





////





"นี่มาร์ค ต้วน เรามาคุยกันหน่อยไหม" ผมกระเเทกกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะว่างเปล่าหน้ามาร์ค ต้วน คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดมาหลายวัน นี่ไม่ใช่ครั้งเเรกที่ผมคุยกับเขา เเน่นอนละ เขาเป็นเด็กเก่ง ผมก็เคยมาขอลอกการบ้านหรือฝากเขาทำงานอยู่บ้าง
"อะ...อะไรหรอ" หมอนั่นช้อนตามองผมเเล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

โอเค ผมอาจจะมาโหดเกินไป
"นายได้ยินข่าวลือที่ว่า มาร์ค ต้วนชอบปาร์ค จินยองไหม" ผมนั่งลงเเล้วมองหน้ามาร์คอย่างจริงจัง ผมต้องการคำตอบ ผมไม่อยากอยู่เเบบนี้อีกต่อไปเเล้ว 




"ก็..ก็ได้ยินมาบ้าง..อะนะ" หางเสียงเเผ่วเบา ใบหน้าของมาร์คขึ้นสีเเดงจัด เเน่นอนหัวข้อที่ว่า 'เนิร์ดน้อยกลอยใจอยากให้พี่จูเนียร์รับรัก' กลายเป็นหัวข้อพูดคุยกันในช่วงนี้ย่อมไม่มีใครไม่เคยได้ยิน


เเต่อะไร


ท่าทางเเบบนั้นมันอะไรกัน


ไม่ใช่หรอกจินยอง อย่าคิดมาก มันอาจไม่ใช่เเบบนั้น



"เเล้วนายชอบฉันจริงๆหรือป่าว" ผมถามออกไปตรงๆ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้มาร์คก้มหน้าลงต่ำ หูเเละเเก้มเเดงจัด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเเน่น



อย่าบอกนะว่า..



"นายชอบฉันจริงๆหรอ!!!" ผมตะโกนลั่นออกมาด้วยความตกใจ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าสเน่ห์ที่มีจะไปเตะตาต้องใจเด็กเนิร์ดขั้นวิกฤตเเบบหมอนี่ได้
มาร์คพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงตอบรับก่อนจะยกสายตาขึ้นมามองผมเเล้วเอ่ยเสียงเเผ่ว

"เราชอบจินยอง"


เราชอบจินยอง

มาร์คชอบจินยอง!!

ให้ตายเถอะ!! จินยองอยากจะบ้า!! พระเจ้าบอกจินยองทีว่านี่คือความฝัน!!!!



หลังจากวันนั้นมาร์คก็ทำตัวปกติทุกอย่างในสายตาคนอื่น เเต่ในสายตาผม ผมจับได้หลายครั้งว่าเขาเเอบมองผม ผมจับได้หลายครั้งว่าเขาเเอบเอาขนมมาไว้บนโต๊ะผม ผมจับได้หลายครั้งจนบางทีผมก็รำคาญ เรื่องเอาขนมมาไว้บนโต๊ะผมไม่อะไรนะ ดีซะอีก มีของกิน เเต่เรื่องมองนี่ผมไม่โอวะ


ก็หมอนี่มองอย่างกับจะบอกผมว่า 'เรายอมโดนนายปล้ำนะ' งี้อะ คือผมไม่เข้าใจว่าหมอนั่นจะสื่ออะไร ตอนเรียนจากที่ไม่มีสมาธิอยู่เเล้วเลยยิ่งเตลิดไปใหญ่ ผู้หญิงในสาขาที่มองผมก็เฉยเเล้วนะ เเต่พอหมอนี่มองผมกลับรู้สึกได้ทันทีอะ อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร เเต่ที่ผมรู้คือ


ผมรำคาญสายตาเเบบนั้น

มันเชิญชวนจนผมเเทบจะอดใจไม่ไหว





"นี่จินยองดูนี่ดิ" ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดอันเเสนไร้สาระของตัวเองเเล้วหันไปมองคนข้างกาย

"อะไร" หวัง เเจ็คสันยื่นโทรศัพท์ของมันมาตรงหน้าผมก่อนจะสาธยายถึงสาเหตุการสะกิดผมให้หันมาสนใจมัน

"มีเด็กใหม่เข้ามา คิ้วท์บอยเหมือนมึง เเถมยังเด็กกว่า น่ารักกว่า เอ่อ หน้าเหมือนผู้หญิงอะ ทำให้คนเค้าหันไปเอ็นดูเจ้าหนูนี่กันหมด"

"เเล้วไงวะ" ผมถามอย่างคิดถึงสาเหตุที่เเท้จริงที่มันเรียกผมไม่ออก

"ก็เค้าหันไปสนใจเด็กนี่กันหมด มึงก็ตกกระป๋องสิวะ" เท่านั้นเเหละครับ ผมหันหน้าไปมองเเจ็คสันเเล้วอุทานออกมาเบาๆ เนื่องจากอาจารย์สอนอยู่หน้าห้อง

"ชิปหาย ไม่ได้นะเว้ยย" ถ้าผมไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป พวกที่หมั่นไส้ผมทั้งหลายก็จะเหยียบผมอะดิ ไม่ได้นะเว้ยยย

เข้าใจไหมครับ สถานการ์ณที่เเบบว่าเราตกเป็นรองนะ เพราะผมก็พูดอวยตัวเองเอาไว้เยอะ เรียกว่ากร่างก็ได้เอ้า

"กูว่ามึงควรสร้างกระเเส" เเจ็คสันเพื่อนรักออกความเห็นอย่างกระตือรือร้น

เเน่นอนว่าการเป็นเพื่อนคนดังทำให้เขาได้อภิสิทธิ์มากอยู่เหมือนกัน เขาไม่ยอมหรอกถ้าปาร์ค จินยองจะตกกระป๋อง

"สร้างกับใครเล่า ตอนนี้มีสาวคนไหนน่าสนใจวะ" ผมเอ่ยออกไปอย่างนึกขึ้นได้ ถ้าหาสาวสวยสักคนมาสร้างกระเเสที่ว่า ปาร์ค จินยอง กำลังจีบ .... ละก็ ผมอาจจะกลับมาเป็นทอปปิกอีกครั้ง


ตาคมของเเจ็คสันหลุกหลิกเล็กน้อยเหมือนชั่งใจอะไรสักอย่างก่อนจะเอ่ยตอบ


"ที่กูคิดไว้ไม่ใช่สาววะ เเต่เป็น..." 



ผมมองตามสายตาของเเจ็คสันไปก็พบกับดวงตากลมโตของมาร์คที่กำลังมองมาทางพวกผม


"ไอเหี้ย เอาจริงดิ" ผมถามมันอย่างไม่อยากจะเชื่อ โอ้พระเจ้า อย่าทำกับผมเเบบนี่ได้โปรด

"เเบบนี้เเหละ เวิร์ค!"


เเต่คำตอบของเเจ็คสันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าพระเจ้าไม่เคยเห็นใจผมเลย




////



ตอนนี้ผมกำลังเดินออกจากมหาลัยพร้อมกับเสียซุบซิบนินทาตามมาติดๆ

เเน่ละ ก็ผมออกมาพร้อมกับมาร์ค ต้วนนี่

ประเด็นร้อนที่พึ่งจะถูกพับเก็บไปไม่นานเริ่มมีการรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ผมเดินจูงมือเล็กๆของมาร์คมาตามทางไปยังที่จอดรถ

ก็พอเลิกเรียนปุ๊ป หวัง เเจ็คสันก็ทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หมอนั่นลากผมให้เดินเข้าไปหามาร์คเเล้วเอ่ยเพียงเเค่ว่า


'เฮ้มาร์ค จินยองมีเรื่องจะคุยกับนายเเน่ะ'

เเล้วหมอนั่นก็เดินจากไปทิ้งผมไว้ในห้องเรียนกับมาร์คเเละเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นอีกนิดหน่อย ผมยืนคิดเรื่องที่อยากจะคุยกับมาร์คอยู่สิบนาทีก็นึกขึ้นได้ว่า


'กลับบ้านไหม เดี๋ยวไปส่ง'


เท่านี้เเหละครับที่ผมคิดออก

ระหว่างทางเดินมานั้นค่อนข้างจะลำบากเพราะร่างบางที่เดินข้างหลังดันถือหนังสือเล่มหนาพอๆกับเเว่นตาของเจ้าตัวมาสี่ห้าเล่ม ผมพึ่งสังเกตุเพิ่มอีกอย่าง คือมาร์คตัวเล็กกว่าผม ผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยหยิบมันออกมาจากร่างบางสองเล่มเเล้วเอื้อมมือไปจับมือที่กำลังสั่นนั้นไว้

ก็นอกจากหนังสือที่ทำให้ลำบากเเล้ว เหล่าเเฟนคลับของผมก็ทำให้ลำบากได้ไม่น้อย

ผมยิ้มให้กับเหล่าสาวสวยที่มายืนถ่ายรูปผมเเล้วร้องเรียกชื่อ บ้างก็ถามว่าเรียนเป็นอย่างไร คงไม่มีใครสังเกตุเห็นมือของผมที่กำลังกุมอยู่กับคนที่เดินตามมาสินะ





ซ่า!!





เเต่ผมคิดผิด เมื่อหันไปตามเสียงก็พบเข้ากับผมสีน้ำตาลเข้มของมาร์คลู่ลงมาบดบังใบหน้านั้นไว้พร้อมกับหยดน้ำเเละหนังสือที่เปียกปอน


"อุ้ย โทษทีมาร์ค"





 Mark say



ผมเข้าใจว่าเรื่องความรักมันเปราะบาง ยิ่งคนเเบบผมที่วันๆเอาเเต่นั่งอยู่กับหนังสือเเละพวกเด็กเรียนด้วยกัน ไม่เคยเข้าใจเรื่องเเบบนั้นหรอก ผมเป็นคนจำพวกมองโลกในเเง่ร้าย เเละการอ่านหนังสือทำให้ผมหลุดออกจากโลกเหล่านั้น

ทำไมผมถึงชอบจินยอง เชื่อเถอะว่าถ้าคำถามนี้อยู่ในข้อสอบ มันจะเป็นคำถามที่ทำให้คะเเนนของผมเป็น 99 ผมไม่รู้คำตอบ ไม่สิ หาคำตอบไม่ได้มากกว่า รู้เเต่ว่าวันที่ผมเริ่มมองเห็นเขาเด่นกว่าคนอื่นคงเป็นเมื่อสองเดือนที่เเล้ว

 วันนั้นผมอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากพรุ่งนี้จะมีสอบคณิตศาสตร์เเต่ผมดันไม่มีอารมณ์จะอ่านมันเอาซะเลย ผมที่กำลังนั่งจดจ่อกับการอ่านหนังสือวิชาฟิสิกเเทน ก็ได้รับเเรงสะกิดเบาๆด้านหลัง เมื่อผมหันไปก็เจอกับดวงตาคมคู่หนึ่ง ชายเเปลกหน้าเดินมานั่งข้างผมพร้อมยื่นชีทวิชาคณิตศาสตร์มาตรงหน้าผมเเล้วฉีกยิ้ม


ยิ้มที่ทำให้วันที่มัวหมองของผมสดใส

ยิ้มที่ทำให้ใจผมเต้นเเรงเเบบไม่เคยเป็นมาก่อน


"ม้าคติวคณิตให้หน่อยสิ พรุ่งนี้มีเทสอ่า" ผู้ชายคนนั้นพูดเสียงอ้อเเอ้ให้ดูน่ารัก ถามว่าน่ารักไหม


อืม..น่ารัก

มากมากเลยละ

เด็กเรียนเเบบผมจะมีสักกี่คนกันที่เดินเข้ามาทักเเล้วพูดจาเเบบนี้ใส่

ไม่กี่ครั้งหรอก-นับคนได้- ที่จะกล้าทำเเบบนี้กับผมจริงๆ ถ้าไม่สนิทกันก็คงจะหน้าด้านมากทีเดียว
เเต่ผมไม่บอกว่าเขาหน้าด้านหรอกนะ คนข้างตัวผมตอนนั้นน่ารักจะตาย


ทำไมผมถึงไม่รู้จักจินยองหรอ ก็เพราะหนังสือตรงหน้ากับใบหน้าตึงๆ ของผมมันไม่ได้เป็นที่สนใจไงละ ผมเลยไม่ค่อยจะสนใจคนอื่นสักเท่าไหร่ ยิ่งพวกเรื่องเดือนโรงเรียน ดาวโรงเรียนผมไม่เเม้เเต่จะคิดที่จะสนใจเลยด้วยซ้ำ

ก็ไม่เเปลกที่ผมจะพึ่งรู้จักจินยองตอนที่เขามาให้ผมช่วยติวให้

เเน่นอนว่าก็พึ่งรู้อีกนั่นละว่าอยู่ห้องเดียวกัน

เเล้วก็รู้เพิ่มอีกอย่าง


คือการติวหนังสือให้ปาร์ค จินยอง ใช้พลังชีวิตมากพอๆกับการสอบระดับประเทศเลย


หลังจากนั้นผมก็เเอบมองเขาห่างๆมาโดยตลอด มีบ้างที่เผลอสบตากันเเต่เขาก็ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

อ่า


พอนานวันเข้าผมก็เริ่มรู้สึกอยากครอบครองรอยยิ้มนั้นไว้คนเดียว เเละอาการของผมคงจะเเสดงให้เห็นชัดเจนมากทีเดียวเพราะข่าวลือพวกนั้นนั่นเเหละ อันที่จริงผมก็กังวลนะ ว่าจะทำให้จินยองไม่สบายใจ เเล้วมันก็เป็นจริงๆ บอกเลยกว่าจะทำใจบอกชอบได้ ผมนี่คิดเเล้วคิดอีก ขนาดตอนทำข้อสอบยังไม่เคยคิดเยอะขนาดนี้ เเต่พอนึกถึงรอยยิ้มที่สว่างไสวของเขา ผมก็รวบรวมลมปราณบอกชอบเขาไป

คุณคงไม่อยากเห็นหน้าเขาตอนที่ถูกผมบอกชอบหรอก หน้าเขาเหมือนคนเห็นผีเลยละ ฮะฮะ มัน...น่าตกใจขนาดนั้นเลยหรอ

หลังจากนั้น ปาร์ค จินยองที่ทำท่าเหมือนจะไม่ชอบผมคนนั้น เขาเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนตัวเตี้ยก่อนที่เพื่อนของเขาจะพูดอะไรประมาณที่ไม่ได้นัดเเนะกับจินยองเอาไว้ก่อน เเล้วหมอนั่นก็เดินออกไป จินยองยืนเกๆกังๆอยู่หลายนาทีเเล้วก็เอ่ยปากจะไปส่งผมที่บ้าน โอ้พระเจ้า ตอนนั้นผมใจเต้นเเรงมาก การได้รับความสนใจจากคนที่ชอบมันให้ความรู้สึกเเบบนี้นี่เอง

หลังจากนั้นผมกับเขาก็เดินออกจากห้อง  ด้วยกัน ลำพังหนังสือ300หน้าที่ผมถือเป็นประจำไม่ได้ทำให้การเดินของผมลำบากนักหรอก

เเต่สิ่งที่ผมกำลังได้รับ ผมกำลังจะคิดว่าการที่ผมถือหนังสือเล่มหนาสักสี่ห้าเล่มก็ทำให้เดินได้ลำบากอยู่เหมือนกัน

เพราะปาร์ค จินยองคนนั้นยื่นมือมาช่วยผมถือเเถมยังจับมือผมไว้อีก

ไม่ค้องเดาก็รู้เลยว่าหน้าผมคงเเดงมากเเน่ๆ


อีกอย่างที่ทำให้ลำบากคือดวงตาที่มองมาของสาวๆทั้งหลายที่ผมเดินผ่าน ทั้งที่เเสดงความอิจฉาออกมาชัดเจน ทั้งที่เเสดงความอยากรู้อยากเห็น ไหนจะคำพูดซุบซิบที่พวกเธอไม่ต้องป้องปากก็ได้ เพราะผมได้ยินมัน


"ต๊าย อ่อยอีท่าไหนทำให้จินยองยอมเดินจับมือได้เนี่ย"

"ท่าทางเนิร์ดจะไม่ใสเหมือนหน้าตาซะเเล้วเเหละ"

"ไม่เจียมอะ เดินข้างจินยองนี่เตรียมตัวรับชะตากรรมไว้เลยเถอะ''


เเละอีกมากมายบ้างด่าทอ บ้างวิพากษ์วิจารณ์ผม เเต่ดูเหมือนคนที่เดินจับมือกับผมอยู่เขาจะไม่รับรู้หรือไม่สนใจก็ไม่รู้ในสิ้งนั้น



ซ่า!!



ความเหนี่ยวหนืดที่ปะทะเข้ากับหัวผมทำให้รู้ได้ทันทีว่าน้ำที่ถูกสาดมาเป็นน้ำหวาน เเละเมื่อผมหันไปมองก็พบกับเเก้วบรรจุน้ำหวานที่เรียกกันว่า น้ำสตอเบอร์รี่ อยู่ในมือหญิงสาวคนหนึ่ง

"อุ้ย โทษทีมาร์ค" ผมไม่ตอบอะไรไป ทำเพียงก้มหน้ากัดปากตัวเองซ่อนเสียงสะอื้นเอาไว้ ผมไม่เคยโดนเเกล้งหนักขนาดนี้ หนังสือที่เปียกปอนยังไม่ให้ความรู้สึกเสียดายเลย


อยู่ๆเเรงฉุดที่ข้อมือก็เเรงขึ้น เหล่าเเฟนคลับของจินยองเเยกออกเป็นทางเดินให้ร่างสองร่างเดินผ่านไป ผมเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าคมที่กำลังเเสดงอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

อ่า

นี่ผมสร้างปัญหาให้เขาหรือป่าวนะ






Jinyoung say



ตอนนี้ผมกำลังหัวเสีย มากๆด้วย

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

เพราะมือที่สั่นหรือเสียงสะอื้นของร่างบางที่ผมจูงมืออกมาก็ไม่รู้

ผมไม่รู้อะไรเลย 


ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำสีหน้าเเบบไหนใส่เธอคนนั้นไป ผมจำไม่ได้ว่าเดินออกจากตรงนั้นได้อย่างไร ผมจำไม่ได้ว่าบีบมือที่กำลังจับนี้ไว้เเน่นเเค่ไหน


รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ผมพามาร์คมาที่คอนโดของผมก่อนจะโยนผ้าเช็ดตัวให้ร่างบาง


"ห้องน้ำอยู่ทางขวา"

"ขะ..ขอบคุณ" น้ำเสียงสั่นบวกกับดวงตาเเดงก่ำก็ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าระหว่างที่นั่งรถมา มาร์คร้องไห้หนักมาก ถึงผมจะได้ยินเสียงสะอื้นเเต่ผมก็ไม่คิดว่ามาร์คจะร้องไห้หนักขนาดนี้ คงจะขวัญเสียมากสินะ


ผมเดินเข้าไปจับไหล่เล็กเเล้วสบดวงตากลมนั้น


''ขอโทษนะ ทำให้โดนเเกล้งเลย" ผมส่งมือไปลูบกลุ่มผมที่ยังมีความชื้นหลงเหลืออยู่

"ฮึก มะ..ไม่เป็นไร" มาร์คสบตาผมเเวบหนึ่งก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องน้ำไป


เขาเหมือนโกรธผมนะ หรือผมคิดไปเอง..เเต่โดนเเกล้งขนาดนั้นก็คงต้องโกรธอยู่เเล้ว เห้อ เเล้วจะทำไงดีเนี่ย




Talk


สวัสดีค่าาาา ย้ายบทความจาก part of marknior ในเด็กดีมาไว้ที่นี่ค่ะ เพราะเราคิดว่าหลังจากนี้คงเน้นเเต่งเเต่เอ็นซีเเล้ว อาจมีบ้างที่เป็นOS หรือ SF เเล้วไม่อยากทิ้งเรื่องเก่าที่เคยเเต่งเลยย้ายมาลงในนี้ ฝาก #shademj ด้วยนะคะ :] 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น