วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

ONE CALL AWAY #MarkJin








-O N E C A L L A W A Y-





"โอ้ย!" เสียงเล็กร้องลั่นเมื่อถูกใครอีกคนผลักให้ล้มลงกับพื้นด้วยเเรงที่ทำให้ก้นน้อยๆของตัวเองต้องเจ็บช้ำ

"อีตุ๊ด!" เสียงห้าวดังขึ้นอย่างถือดี เด็กชายอีกคนก้าวเท้าเข้าใกล้คนที่ล้มก้นจ้ำเบ้าเเล้วยื่นมือของตนเองหมายจะจับเเก้มนุ่มนิ่มที่เขาชอบเเกล้งเป็นประจำ





หมับ!





"ทำอะไร" เสียงอีกเสียงดังขึ้น คนที่กำลังเอื้อมมือไปบีบเเก้มนุ่มชะงัก หันมองคนที่มาจับมือตนเองเเล้วร้องเรียกตาโต


"มะ...มาร์ค" เพียงเท่านั้น เด็กอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเด็กชายตัวน้อยก็เดินถ่อยห่างออกไปสามก้าวทันที


"เเกล้งจินยองหรอ" มาร์คถามนักเลงที่ตัวเล็กกว่าเขาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว




ถ้าเมื่อตะกี้เขามาไม่ทันเเก้มของจินยองที่เป็นของเขาก็จะถูกคนตรงหน้าเอาไป



เขาไม่ยอมหรอกนะ!



ถ้ามาเเกล้งจินยองงี่ของเขาน่ะ ถึงจะเป็นเด็กอายุหกขวบเขาก็ไม่สนหรอก 




"ปะ..เปล่านะ ผม...ผมไปก่อนนะ บายจินยอง" ก่อนจากลาก็หันมาพูดกับคนที่ตนพึ่งเเกล้งไปเมื่อสักครู่เเล้วเอ่ยลา ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่บ้าน




ใครจะกล้ายอมรับกันว่าเเกล้งจินยอง


ถ้าพูดเเบบนั้นมาร์คต้องตีเราเเน่ๆ




"เจ็บตรงไหนมั้ย" มาร์คหันมาถามเด็กชายจินยองด้วยสายตาเเละน้ำเสียงที่จินยองเคยบอกว่าเหมือนเเม่ของตนเอง



"ม้าคคคค เเงงงง" จินยองร้องไห้จ๋า ถลาตัวเข้ากอดพี่ชายข้างบ้านทันที



"เจ็บตรงไหนบอกพี่ซิ" มาร์คโอบกอดคนน้องด้วยความเอ็นดู จินยองชี้ที่ก้นของตัวเองเเล้วมองหน้ามาร์คด้วยดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตา



"เจ็บตรงนี้ ฮันบินเเกล้งเค้า ฮึกม้าค" พูดจบเด็กน้อยในอ้อมกอดก็กอดรอบคอเขาอีกครั้ง พร้อมกับซุกหน้าร้องไห้ที่ซอกคอเขาจนเปียกไปหมด มาร์คนั่งลูบหลังปลอบจินยองอยู่อย่างนั้น 




เเต่จนเเล้วจนรอดเขาก็ยังไม่เห็นวี่เเววว่าจินยองจะหยุดร้องไห้เลย มาร์คดึงหน้าคนตัวเล็กออกจากคอเขา เเล้วจูบซับน้ำตาตามใบหน้าเล็ก




"ฮึก" เสียงสะอื้นยังคงมีเเต่หากน้ำตาไม่ได้ไหลเเล้ว จินยองมองหน้ามาร์คก่อนที่เสียงเล็กจะเอ่ยเเจ้ว


"ม้าคจุ๊บนยองทำไม" มาร์คหัวเราะให้กับคำถามไร้เดียงสานั้นก่อนจะก้มลงสูดดมเเก้มขาวของคนเป็นน้องอีกฟอดใหญ่


"นยองน่ารักไงครับ" มาร์คพูดพลางพรมจูบไปทั่วใบหน้าเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว




เเก้มย้วยๆของจินยองนี่เป็นของเขา 




ปากเล็กนี่ก็ของเขา 




ดวงตากลมๆนี่ก็เป็นของเขา




"งื้อออออ ม้าคคคค จั๊กจี้น้า" จินยองยกมือน้อยๆของตัวเองดันหน้าอีกคนให้ถอยห่างเเล้วร้องโวยวายเสียงใส


"วันหลังถ้ามีคนเเกล้งอีก จินยองต้องเรียกพี่นะ รู้มั้ย" มาร์คหยุดการกลั่นเเกล้งคนตัวเล็กเเล้วเอ่ยเสียงเข้ม จินยองก้มหน้า ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเเล้วพยักหน้าขึ้นลงหลายๆครั้งให้คนพี่ชื่นใจ



จินยองน่ะ ตัวเล็กกว่าเด็กอายุหกปีทั่วไป มักจะถูกเพื่อนในหมู่บ้านเเกล้งบ่อยๆ อย่างครั้งนี้ ถ้าเขาไม่เดินผ่านเเล้วเห็น ตัวเล็กของเขาจะเป็นอย่างไรกัน






"ม้าคจะมาช่วยเราทุกครั้งใช่มั้ย"


"สัญญาเลยครับ"







I’m only one call away

ผมนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น

I’ll be there to save the day

ผมจะไปอยู่ที่นั่นแล้วทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น

Superman got nothing on me

ซุปเปอร์แมนเองก็สู้ผมไม่ได้

I’m only one call away

ผมอยู่ใกล้แค่คุณเอื้อมเท่านั้น







---








คนหลอกลวง




คนผิดสัญญา

ปาร์ค จินยอง เก็บรูปถ่ายลงกล่องใบเก่าสีเเดงด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก ร่างบางหวนนึกไปถึงวันที่ถ่ายรูปเเละข้อความด้านหลังรูปนั้นเเล้วได้เเต่อารมณ์เสีย



'I always beside you'



ตอนเด็กเขาไม่เข้าใจความหมายของมันหรอก ผมก็เเค่เด็กอายุหกขวบกับพี่ชายใจดีข้างบ้านที่อยู่ม.3 เเต่คุณเเม่ก็อ่านให้เขาฟัง มันเเปลว่า ผมจะอยู่ข้างๆคุณเสมอ




ในช่วงเวลานั้นทุกวันในตอนเช้าเขามักจะไปกดกริ่งบ้านข้างๆด้วยจิตใจเเจ่มใส เเล้วไม่นานเสียงเปิดประตูพร้อมอ้อมกอดอบอุ่นจากลูกชายเจ้าของบ้านก็ทำให้เขาอารมณ์ดีได้ทั้งวัน เขาตัวติดกับมาร์คมากจนคุณเเม่เริ่มบ่น




มันเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งจินยองขึ้นเรียนประถมศึกษาปีที่หนึ่ง จินยองชอบงอเเงกดกริ่งหน้าบ้านมาร์คก่อนไปโรงเรียนทุกครั้ง เวลากลับบ้านก็มักจะรีบกลับ เพื่อมาหามาร์ค ทำให้จินยองในตอนนั้นไม่ค่อยจะมีเพื่อนนักหรอก



เเต่เเล้ววันหนึ่งเขาก็ไม่ได้รับอ้อมกอดอบอุ่นนั้นอีก พร้อมด้วยถ้อยคำที่ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นช้าลงราวกับจะหยุดเต้น




'มาร์คไม่อยู่หรอก เขาไปต่างประเทศน่ะจินยอง'




จินยองไม่รู้หรอกว่าทำไมมาร์คถึงไม่บอกเขาสักคำว่าจะไป เขากลับมาที่บ้านเเล้วหมกตัวอยู่ในห้อง ข้าวปลาไม่ยอมกินจนคุณเเม่ต้องเข้ามาช่วยดูเเล


การจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าวของพี่ชายที่เขารักเป็นดั่งรอยเเผลเป็น


จินยองเก็บทุกอย่างที่เกี่ยวกับมาร์คเข้าห้องเก็บของ ล็อคประตูเเน่นเเล้วสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เปิดมันอีก




Rrrr




เสียงโทรศัพท์ดังเรียกความสนใจจากเจ้าของได้เป็นอย่างดี มือบางกดรับสายเพื่อนสนิทที่โทรมาอย่างไม่รีบร้อน



"วันนี้ว่างไหม เที่ยวกัน" หลังจากวันที่มาร์คหายตัวไป จินยองก็เริ่มคิดได้ว่าเขาไม่สามารถที่จะพึ่งมาร์คไปตลอดชีวิตได้หรอก



เด็กชายปาร์คในตอนนั้นเริ่มที่จะค้นหาสิ่งที่เป็นจุดเด่นของตนเองเเล้วนำมันมาใช้ เขามีเพื่อนมากมายในห้อง ไม่มีใครเเกล้งเขาอีกเพราะจินยองใช้เสน่ห์ของตนเองมัดใจทุกคนในห้องเรียนจนหมด จินยองเข้มเเข็งขึ้นมากเเล้ว



"ว่าง ที่เดิมป้ะ"



"เออ เเล้วเจอกันเพื่อน" เเจ็คสันตัดสายไปเเล้ว จินยองวางโทรศัพท์ไว้ที่พื้นดังเดิม เก็บของที่ตนลื้อออกมาจากห้องเก็บของเพราะไม่มีอะไรทำไว้อย่างเดิม



เขาตัดสินใจที่จะล็อคความทรงจำเกี่ยวกับคนใจร้ายไปเเล้ว จินยองจะไม่หวนกลับไปนึกถึงอีกเป็นอันขาด






เสียงเพลงดังกระหึ่มออกมาด้านนอก ปาร์คจินยองเดินเข้าไปภายในสถานบันเทิงยามราตรีที่เพื่อนสนิทของเขานัดไว้ด้วยความชำนาญ



เขาสนิทกับเเจ็คสันตั้งเเต่ขึ้น ป.1 นั่นเเหละ จนตอนนี้อายุ 18 กันไปทั้งคู่เเล้ว ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลง เรายังคงสนิทกันเหมือนเดิม เเจ็คสันเป็นเพื่อนที่รู้ทุกเรื่องของจินยอง



เเน่นอน เรื่องพี่ชายข้างบ้านด้วย



หลังจากที่จินยองเล่าเรื่องพี่ชายข้างบ้านให้เเจ็คสันฟังจนจบ หมอนั่นก็เอ่ยถามเขาด้วยคำถามที่จินยองอยากจะฟาดหน้าหมอนั่นไปสักที




'นายคงไม่ได้ชอบพี่ชายคนนั้นหรอกใช่ไหม'




"เเจ็ค'' ผมเอ่ยเรียกเพื่อนที่กำลังนั่งอยู่คนเดียว เเจ็คสันหันมามองผม ยืนขึ้นเเล้วอ้าเเขนออกกว้างพร้อมพูดเสียงดัง


"ปาร์ค จินยอง!"


เล่นใหญ่ตลอด ผมมองหน้ามันเอือมๆเเล้วเดินไปนั่งข้างมัน


"เห้ยๆ ลุกๆ"


"อ้าว" ผมร้องเหวอทันทีเมื่อเพื่อนสนิทยกเเขนผมขึ้นเเล้วผลักให้ผมไปนั่งตรงข้ามมันเเทน


"นี่ที่เเบมเเบม"


"อ่อ ไอสัส" ผมด่ามันไปหนึ่งคำเเล้วยอมนั่งตรงข้ามเเต่โดยดี เเบมเเบมที่มันพูดถึงคือเด็กอีกโรงเรียนที่มันเเชทเต๊าะน้องเขาอยู่ในเฟสบุคทุกวัน จนกระทั่งเเบมเเบมทนความหน้าด้านของเเจ็คสันไม่ไหวยอมตกลงปลงใจรับเป็นเเฟน เเล้วไอเพื่อนตัวดีก็คอยมาเล่าความน่ารักน่าชังของเเฟนตัวเองให้ผมฟัง




เห็นใจคนโสดบ้างดิวะ!




"เเล้วเเบมไปไหน" ผมกับน้องเขาค่อนข้างสนิทกันน่ะครับ เพราะผมเป็นเพื่อนสนิทเเจ็คสันนี่เนอะ


"ไปห้องน้ำ เออ รุ่นพี่กูมาด้วยนะลืมบอก"


"รุ่นพี่? คนอย่างมึงมีคนนับเป็นน้องด้วยหรอ"


"นับเป็นเเฟนยังมีเลยครับ พี่เขาไปเข้าห้องน้ำ"


"ไปกับเเบมด้วย โอ่ววว" ผมทำหน้ากวนทรีนใส่เพื่อนรักไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว


"หยุดเลยไอสัส พี่เขาไม่คิดไรกับเเฟนกูหรอก" เจ็คสันชี้หน้าผมเเล้วพูดดักราวกับรู้ว่าผมกำลังจะพูดอะไรต่อ


"มึงเเน่ใจได้ไงเเฟนมึงออกจะน่ารัก" ผมพูดยั่วคนมีเฟนเเล้วด้วยความสะใจ เห็นใบหน้าเครียดๆของมันเเล้วก็ไม่อยากจะเสี้ยมสักเท่าไหร่ เเต่ทำไงได้ครับ ความหมั่นไส้ที่มีเยอะกว่า


"ก็พี่เขามีคนที่ชอบเเล้ว" เเจ็คสันพูดจบก็ยกสายตามาสบตากับผมราวกับกำลังบอกเป็นนัยอะไรบางอย่าง


"โกหกเปล่า" ผมไม่ได้สนใจสายตาของมันยังคงพูดล้อต่อไป เเต่เเล้วหางตาก็ก็เหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตที่คุ้นหน้า


"ใครโกหกหรอครับ" เสียงทุ้มที่ยังคงอบอุ่นถึงจะเเตกเเละไม่มีเค้าเสียงเหมือนเมื่อหลายปีก่อน




ฝ่ามืออบอุ่นถูกวางบนหัวของเขาพร้อมกับการถามไถ่ที่จินยองไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า






"ไงตัวเล็ก คิดถึงพี่ไหม"








No matter where you go

ไม่ว่าที่ไหนที่เธอไป

You know you’re not alone

คุณรู้ไว้ ว่าคุณจะไม่โดดเดี่ยว








---








"..."

จินยองนั่งอึ้ง สมองว่างเปล่าเสียจนเด็กหนุ่มต้องสะบัดหัวด้วยความมึนงง


"มาร์ค.." เด็กหนุ่มหันมองคนที่นั่งข้างกายเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ



คนที่เขาเก็บอยู่ในความทรงจำส่วนลึกที่สุดพร้อมกับปิดล็อคมันเอาไว้



ตอนนี้มานั่งข้างเขาเเล้ว



"พี่เอง คิดถึงกันบ้างไหมเนี่ย"



จินยองไม่ตอบคำถาม เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเเล้วรีบจ้ำอ้าวออกไปจากที่ตรงนี้ เขาต้องการที่สงบเพื่อตั้งสติตนเอง



จินยองเดินมาจนถึงบริเวณลานจอดรถของผับเเล้วนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น




คิดถึงไหมหรอ




คิดถึงสิ มากๆเลย




เเต่เขาก็โกรธอีกฝ่ายจับใจ




คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา



คนอะไรเห็นเเก่ตัวที่สุด เขาไม่มีวันให้อภัยคนเเบบนั้นหรอก




"นี่เธอ" เสียงเรียกพร้อมเเรงสะกิดทำให้เด็กหนุ่มหันไปมองด้วยความไม่สบอารมณ์นัก เขาต้องการที่สงบๆ ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไร


"ช่วยหน่อยสิ" เธอคนนั้นนั่งลงตรงหน้าเขาพร้อมกับประกบปากเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว




ไม่มีการลุกล้ำเเต่อย่างใด เเค่ปากชนปาก จินยองหน้าร้อนเห่อด้วยความเขินอาย เขาเคยโดนผู้หญิงรุกก่อนก็เยอะ ถ้ารุกในเเบบที่ร้อนเเรงกว่านี้เขาจะไม่เขินเลย เเต่นี่เธอเเค่เอาปากชนปากกับเขาเเล้วนิ่งค้างไว้อย่างนั้น




"เอ่อ..." จินยองขยับปากของตนเองที่ชนกับอีกฝ่ายพยายามขอคำอธิบายการกระทำที่ไม่มีเหตุผลของหล่อน



"ไอหน้าจืด!" เสียงโหวกเหวกโวยวายดังตามมาพร้อมกับร่างบางของหญิงสาวถูกกระชากออกจากตัวเขา


"มึงกล้าดียังไงมาจูบเมียกู!!" เเรงผลักที่ถูกส่งมาพร้อมหมัดหนักๆที่มุมปากทำเอาจินยองล้มไม่เป็นท่า


เขายังไม่ทันตั้งตัวอะไรเลยนะเว้ย!!



สายเลือดลูกผู้ชายในตัวจินยองพลุ่งพล่าน ลุกขึ้นเดินเข้าไปถีบที่ท้องไอคนหน้าโจรให้ล้มลงก่อนจะเดินเข้าไปเเล้วคร่อมอีกฝ่ายไว้ ออกเเรงต่อยเข้าที่ใบหน้าของอีกคนด้วยเเรงทั้งหมดที่มี




ผวัะ



"ตั้งสติหน่อยไอควาย"



"เห้ย! จับมัน" ผู้ชายอีกสองคนเดินเข้ามาล็อคเเขนของจินยองเเล้วหิ้วปีกไปบริเวณลานจอดรถที่ไร้ผู้คน จินยองพยายามดิ้นหนีทั้งถีบทั้งเตะ เเต่ไอพวกนี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาเสียที


"ปล่อยกู!"


"ปล่อยหรอ เมื่อกี้ทำไรเมียกูไว้ ห้ะ" คนที่จินยองพึ่งฝากรอยเเผลไว้ที่ใบหน้าเอ่ยถามเสียงเข้ม


"ปล่อย--"



ผวัะ


หมัดหนักๆถูกส่งมาที่ท้องของเขาหนึ่งหมัดก่อนจะถูกทิ้งลงอย่างไร้เยื่อใย จินยองนอนกุมท้องตัวเองตัวงอ



"พี่ น่ารักเเบบนี้จะกระทืบลงหรอ"




ผู้ชายอีกคนถามด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย จินยองรู้ได้ทันทีว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตนถ้าหมอนั่นไม่ต่อยเขาเเล้ว



"มึงซิงปะวะ" ลูกพี่พวกมันเดินมาคร่อมเขาไว้ บิดใบหน้าของเขาให้มองหน้ามันก่อนจะเอ่ยถามคำถามหยาบคาย



ไอพวกเหี้ย!



ถุย



จินยองถุยน้ำลายใส่หน้าอีกคนด้วยเเรงที่มี



"กูให้พวกมึงจัดการไอเด็กเหี้ยนี่กันเอง จะปู้ยี่ปู้ยำเเล้วไปถ่วงน้ำก็เรื่องของพวกมึง" พูดจบไอหน้าโจรก็ลุกขึ้นยืนเเล้วเดินออกไปจากตรงนี้พร้อมกับผิวปากสบายใจ



 จินยองพยายามลุกขึ้นยืนเเต่พอลุกได้หมัดอีกหมัดก็ถูกส่งมาซ้ำที่เดิม จินยองจุกจนไม่สามารถลุกได้อีก



"สามพีหน่อยมั้ย"


"มึงไปกันเถอะ"


"อะไร ถ้ามึงป๊อดกูทำคนเดียวก็ได้นะ ของสวยๆงามๆใครไม่อยากได้"


"เรื่องของมึงเเล้วกัน กูไปละ"


เพื่อนอีกคนของมันเดินกลับไปทางเดิม เเต่อีกคนกลับผลิกตัวของจินยองเข้าเผชิญหน้ากับมันเเล้วขึ้นคร่อมทันที



ปากอิ่มถูกบดเบียดด้วยความหยาบโลน



จินยองกัดปากอีกคนอย่างไม่ยอมเเพ้ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งในปาก พยายามผลัก ทุบ ต่อย เเต่ก็ไม่ได้ผมเพราะเรี่ยวเเรงที่มีลดหายลงไปมากจากการถูกชกที่ท้องถึงสองครั้ง



"ชอบเเบบซาดิสก็ไม่บอก" มันพูดพลางก้มหน้าลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอของจินยองอย่างจาบจ้วง เด็กหนุ่มน้ำตาไหลด้วยความหวาดกลัว



"ปล่อยกูนะ ช่วยด้วย" จินยองร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังลั่น เด็กหนุ่มหวังเพียงเเค่ให้มีคนได้ยินเเละช่วยเขาได้ทัน


"ช่วยด้ว---"



ผวัะ



เเรงต่อยเข้าที่ท้องครั้งนี้หนักกว่าสองครั้งเเรกมาก จินยองนอนกุมท้องด้วยความจุกจนพูดไม่ออก ร่างบางนอนนิ่งยอมรับชะตากรรมตนเอง ตอนนี้เรี่ยวเเรงที่จะใช้หายใจยังเเทบไม่มี



"อย่าเสียงดังได้มั้ยที่รัก เรากำลังจะไปสวรรค์กันนะ"







ผวัะ




"สวรรค์กับเเม่มึงสิ" คนบนร่างจินยองถูกเรียวขาของผู้มาใหม่ถีบจนกลิ้งไปอยู่ที่พื้น จินยองร้องไห้ด้วยความยินดี ในที่สุดก็มีคนเห็นเขา ร่างบางร้องไห้หนักกว่าเก่าเมื่อเห็นใบหน้าของผู้ช่วยชีวิต


"มึงไม่ตายดีเเน่ไอเหี้ย" มาร์คสบถอย่างหัวเสีย หันหลังเดินไปหาอีกคนที่ลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมไว้เเล้ว มาร์คจัดการถีบเข้าที่ท้องอีกคนเเล้วตามลงไปคร่อม



เสียงเนื้อชนเนื้อดังระงม จินยองพยายามเปล่งเสียงห้ามมาร์ค เเต่เสียงที่เปล่งออกมาได้มีเพียงเเค่ลม



มาร์คชกคนที่บังอาจมาเเกล้งตัวเล็กของเขาจนมันสลบ ปล่อยทิ้งร่างนั้นไว้ก่อนจะเดินเข้ามาหาอีกคนที่นอนนิ่งอยู่ที่เดิม



พอเห็นสภาพจินยองเเล้วเขาก็อยากจะหันกลับไปกระทืบมันอีกครั้งด่วยความโกรธเเค้น



มึงกล้าดียังไงมาสร้างรอยบนคอขาวนี้



โถ่ไอเหี้ยเอ้ย!



กูดูเเลของกูมาสิบกว่าปี



มาร์คฉุนจัดจะกลับไปเอาเรื่องคนที่กำลังสลบอยู่อีกครั้ง เเต่เเรงที่ดึงมือเขาไว้ ทำให้มาร์คชะงัก


"เป็นยังไงบ้างจินยอง"


"ม้าค ฮึก"



มาร์คดึงอีกคนเข้าสู่อ้อมเเขนของตนเอง ลืมความขุ่นมัวในจิตใจไปจนหมด เพียงเเค่เห็นน้ำตาของร่สงบางในอ้อมเเขน เขาลูบหลังปลอบโยนให้เหมือนทุกครั้งที่จินยองโดนเเกล้งกลับมาฟ้องเขา ร่างบางกอดอีกคนเเน่นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งหวาดกลัว ทั้งคิดถึง ทั้งโหยหา




อ้อมกอดนี้ที่เขาไม่ได้รับมันมากว่าสิบสองปี





"ไม่เป็นอะไรเเล้วนะ พี่อยู่ตรงนี้เเล้ว"





น้ำเสียงนี้ที่เขาเฝ้าคิดถึงมันมานานเเสนนาน





ริมฝีปากที่คอยปลอบประโลมยามเขาหลั่งน้ำตา จินยองหลับตาพริ้มรับสัมผัสของคนเป็นพี่ในเเบบที่ชอบทำตอนเขาเป็นเด็ก







"ม้าคกลับมาหานยองเเล้วใช่ไหม" 


"พี่ไม่เคยไปไหนอยู่เเล้ว"





Darling, and when you feel like hope is gone

ที่รัก และเมื่อคุณรู้สึกคล้ายกับหมดหวัง

Just run into my arms

แค่เข้ามาสู่อ้อมแขนของผม






Talk

#shademj

2 ความคิดเห็น: